มาราธอนแรก – บางแสน 42 ( 2018 )

เดินทางจากบ้านไปบางแสน

ขับมาถึงนี้  เสาแบบนี้  คือ  สัญลักษณ์แห่งทะเล  –  “ทะเล sign”

ก่อนไปรับ bib เดินดูชายหาดซักหน่อย  แสงแดดยังร้อนแต่ก็เริ่มลงเล่นน้ำกันแล้ว

เข้ามาอาคารรับ big ก็ว้าวเลย   ไม่เคยเห็นงานไหนเตรียมการรับ bib ได้อลังการเท่างานนี้

ต่อคิวตรวจบัตรประชาชน   คนเยอะมาก  ได้ยินว่า 8,000 คน  ซึ่งทุกคนคือระยะ full

พรุ่งนี้เช้า  จะเข้าจุด start ได้ต้องมีสิ่งนี้ ( กันน้ำ อาบน้ำได้ )

เป็นระบบ  ระเบียบ  รวดเร็ว   ก่อนรับ bib ต้องถ่ายรูป face id ด้วย  เพื่อยืนยันว่าใช่ตัวตนจริง

คือจัดเตรียมงานได้ดีมากๆๆ  ผู้จัดงานนี้ต้องการผลักดันให้งานบางแสน 42 นี้ก้าวขึ้นเป็นงานระดับโลก “WORLD-CLASS MARATHON”

คุณรัฐ จิโรจน์วณิชชากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมซ์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด ( ผู้จัดงาน )

บรรยากาศภายในงานรับ bib  มีบูทมากมาย  เตรียมได้ดีมากๆ  ยกให้เป็นงานมาราธอนอันดับ 1 ของไทยเลย

รับ bib เสร็จก็ 16:00 น.  ต้องรีบกลับไปนอน  เริ่มวิ่งตอนตี 3  ที่พักอยู่ห่างจากจุด start ประมาณ 11 กม.

ระหว่างทาง  วิว + สถานที่ สวยๆ   ต้องแวะหยุดจอดถ่ายภาพ

แวะกินข้าวเย็นก่อนเข้าที่พัก   โหลดข้าวผัดจานนึง

ก่อนนอน  ศึกษาเรื่อง HADOOP ซะงั๊น  กว่าจะหลับก็ 5 ทุ่ม  T_T

ตื่นตอนตี 1   ได้นอน 2 ชม.เอง   ผ้าบัฟนี้มีขายในงานตอนรับ bib  เป็นรูปคิงคอง ( มาสคอทของงานนี้ )

กินหนมปัง  กินกาแฟ  ออกเดินทางตอนตี 2  พอถึงงานไม่มีที่ให้จอด   ต้องจอดรถอยู่อีกถนนแล้วเดินเข้าไปที่จุด start

บรรยากาศก่อนเริ่มงาน  คนเยอะมากกกกก   พบว่ามีจำนวนผู้สมัคร 8 พันคน   มาลงงานจริงประมาณ 7,500 คน

ผ่านไป 10 กม.  จะถึงสะพานกลางน้ำ (ทะเล)

เป็นสะพานที่ไม่มีจุดสิ้นสุด  วิ่งไม่ถึงปลายทางซักที  T_T

ต้องวิ่งไปทางไฟสีส้มทางซ้ายนู๊นนนนน

 

ถึงจุดนี้ก็น่าจะประมาณ 18 กม. แล้ว

ใกล้จะถึงปลายทางสะพาน  ซึ่งเป็นจุดวกกลับ 21 กม.

จุดนี้ประมาณ 28 กม.  ฟ้าเริ่มสว่าง  สวยมากกกกก  ต้องหยุดวิ่งเก็บภาพซักหน่อย   จำได้ว่า ณ จุดนี้  นักวิ่งยังคงวิ่งเป็นสายน้ำตามๆกันไป

และจุดนี้ยังจำได้อีกว่า  ต้นขาและน่อง  เริ่มตึงๆแล้ว

เมื่อมาถึง 36 กม.  กล้ามเนื้อบริเวณน่องเริ่มกะตุก  ตะคริวถามหา  ต้องหยุดเดิน  แล้วยืดเหยียด   เพราะถ้าวิ่งไปต่อตะคริวกินแน่ๆ

ยืดเหยียดซักพัก  ก็ดีขึ้น  วิ่งเหยาะๆเบาๆ  ได้ไปจนถึง 40 กม.   ตะคริวบนฝ่าเท้าเริ่มกะตุกอีก  นักวิ่งที่ตามมาข้างหลังเห็นเราจู่ๆก็กระเผลก  เค้าก็เลยถามว่า  “ไหวไหมครับ  ตะคริวหรือเปล่า”  พยายามจะมาประคองเรา   แต่ก็เกรงใจ  เลยบอกว่า “ไม่เป็นไรครับ”

ณ ตอนนั้นรู้สึกว่า  เหล่านักวิ่งมีน้ำใจดีจึง

ยืดเหยียดซัก 2-3 นาที   แล้วก็วิ่งเหยาะๆไปต่อ  จนถึงเส้นชัย

เจอเฮียอั๋นที่เส้นชัย   เฮียเข้าเส้นชัยในเวลาใกล้เคียงกันเลย   เฮียแข็งแรงมากๆ

ร่างกายเต็มไปด้วย “เกลือ” จากลมทะเล

เดาว่าปอดตอนนี้  ก็คงเต็มไปด้วยเกลือ 555

 

ขับรถกลับ   ต้องผ่านสะพานที่วิ่งด้วย   มันไกล๊ไกล  ใช้เวลาขับนานถึง 4 นาที  จะถึงปลายสะพาน

ระหว่างขับรถ  ก็มี SMS มาจาก Thairun ให้เข้าไปดู E-Certificate ด้วย

พอกดเข้าไปก็จะเจอผลการวิ่ง

ว้าววว   จัดงานได้ดี   ระบบเทคโนโลยีของงานก็เยี่ยมยอดไปเลย  แสดงผลอย่างละเอียดเป็น infographic ด้วย  ( รายละเอียดตามรูป )

กลับถึงบ้าน   ก็รอภาพตามระเบียบ

หลับบบบบ

หลับบบบบ

แล้วก็ หลับบบบบ