เดินทางจากบ้านไปบางแสน
ขับมาถึงนี้ เสาแบบนี้ คือ สัญลักษณ์แห่งทะเล – “ทะเล sign”
ก่อนไปรับ bib เดินดูชายหาดซักหน่อย แสงแดดยังร้อนแต่ก็เริ่มลงเล่นน้ำกันแล้ว
เข้ามาอาคารรับ big ก็ว้าวเลย ไม่เคยเห็นงานไหนเตรียมการรับ bib ได้อลังการเท่างานนี้
ต่อคิวตรวจบัตรประชาชน คนเยอะมาก ได้ยินว่า 8,000 คน ซึ่งทุกคนคือระยะ full
พรุ่งนี้เช้า จะเข้าจุด start ได้ต้องมีสิ่งนี้ ( กันน้ำ อาบน้ำได้ )
เป็นระบบ ระเบียบ รวดเร็ว ก่อนรับ bib ต้องถ่ายรูป face id ด้วย เพื่อยืนยันว่าใช่ตัวตนจริง
คือจัดเตรียมงานได้ดีมากๆๆ ผู้จัดงานนี้ต้องการผลักดันให้งานบางแสน 42 นี้ก้าวขึ้นเป็นงานระดับโลก “WORLD-CLASS MARATHON”
คุณรัฐ จิโรจน์วณิชชากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมซ์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด ( ผู้จัดงาน )
บรรยากาศภายในงานรับ bib มีบูทมากมาย เตรียมได้ดีมากๆ ยกให้เป็นงานมาราธอนอันดับ 1 ของไทยเลย
รับ bib เสร็จก็ 16:00 น. ต้องรีบกลับไปนอน เริ่มวิ่งตอนตี 3 ที่พักอยู่ห่างจากจุด start ประมาณ 11 กม.
ระหว่างทาง วิว + สถานที่ สวยๆ ต้องแวะหยุดจอดถ่ายภาพ
แวะกินข้าวเย็นก่อนเข้าที่พัก โหลดข้าวผัดจานนึง
ก่อนนอน ศึกษาเรื่อง HADOOP ซะงั๊น กว่าจะหลับก็ 5 ทุ่ม T_T
ตื่นตอนตี 1 ได้นอน 2 ชม.เอง ผ้าบัฟนี้มีขายในงานตอนรับ bib เป็นรูปคิงคอง ( มาสคอทของงานนี้ )
กินหนมปัง กินกาแฟ ออกเดินทางตอนตี 2 พอถึงงานไม่มีที่ให้จอด ต้องจอดรถอยู่อีกถนนแล้วเดินเข้าไปที่จุด start
บรรยากาศก่อนเริ่มงาน คนเยอะมากกกกก พบว่ามีจำนวนผู้สมัคร 8 พันคน มาลงงานจริงประมาณ 7,500 คน
ผ่านไป 10 กม. จะถึงสะพานกลางน้ำ (ทะเล)
เป็นสะพานที่ไม่มีจุดสิ้นสุด วิ่งไม่ถึงปลายทางซักที T_T
ต้องวิ่งไปทางไฟสีส้มทางซ้ายนู๊นนนนน
ถึงจุดนี้ก็น่าจะประมาณ 18 กม. แล้ว
ใกล้จะถึงปลายทางสะพาน ซึ่งเป็นจุดวกกลับ 21 กม.
จุดนี้ประมาณ 28 กม. ฟ้าเริ่มสว่าง สวยมากกกกก ต้องหยุดวิ่งเก็บภาพซักหน่อย จำได้ว่า ณ จุดนี้ นักวิ่งยังคงวิ่งเป็นสายน้ำตามๆกันไป
และจุดนี้ยังจำได้อีกว่า ต้นขาและน่อง เริ่มตึงๆแล้ว
เมื่อมาถึง 36 กม. กล้ามเนื้อบริเวณน่องเริ่มกะตุก ตะคริวถามหา ต้องหยุดเดิน แล้วยืดเหยียด เพราะถ้าวิ่งไปต่อตะคริวกินแน่ๆ
ยืดเหยียดซักพัก ก็ดีขึ้น วิ่งเหยาะๆเบาๆ ได้ไปจนถึง 40 กม. ตะคริวบนฝ่าเท้าเริ่มกะตุกอีก นักวิ่งที่ตามมาข้างหลังเห็นเราจู่ๆก็กระเผลก เค้าก็เลยถามว่า “ไหวไหมครับ ตะคริวหรือเปล่า” พยายามจะมาประคองเรา แต่ก็เกรงใจ เลยบอกว่า “ไม่เป็นไรครับ”
ณ ตอนนั้นรู้สึกว่า เหล่านักวิ่งมีน้ำใจดีจึง
ยืดเหยียดซัก 2-3 นาที แล้วก็วิ่งเหยาะๆไปต่อ จนถึงเส้นชัย
เจอเฮียอั๋นที่เส้นชัย เฮียเข้าเส้นชัยในเวลาใกล้เคียงกันเลย เฮียแข็งแรงมากๆ
ร่างกายเต็มไปด้วย “เกลือ” จากลมทะเล
เดาว่าปอดตอนนี้ ก็คงเต็มไปด้วยเกลือ 555
ขับรถกลับ ต้องผ่านสะพานที่วิ่งด้วย มันไกล๊ไกล ใช้เวลาขับนานถึง 4 นาที จะถึงปลายสะพาน
ระหว่างขับรถ ก็มี SMS มาจาก Thairun ให้เข้าไปดู E-Certificate ด้วย
พอกดเข้าไปก็จะเจอผลการวิ่ง
ว้าววว จัดงานได้ดี ระบบเทคโนโลยีของงานก็เยี่ยมยอดไปเลย แสดงผลอย่างละเอียดเป็น infographic ด้วย ( รายละเอียดตามรูป )
กลับถึงบ้าน ก็รอภาพตามระเบียบ
หลับบบบบ
หลับบบบบ
แล้วก็ หลับบบบบ