เดินทางจากบ้านด้วยความฮึกเหิม ไปราชบุรี ตะนาวศรี
ผ่านกรุงเทพ แวะดู Stadium One ซักหน่อย ( บ้านนอกเข้ากรุง )
แถวๆ Stadium One จะมีร้านเต้าฮวย-เฉาก๊วย-นมสด-แปะก๊วย อาร๊อยยยยยยยยยยยยยยยยยย อาหร่อย ( เสียงพี่หนำ อิอิ )
ออกจากตัวเมืองราชบุรี ไปยังเทือกเขาตะนาวศรีทางตะวันตก วิวสวยงาม เป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
แวะ LOAD ที่ 7-11
แก้แค้น MAGNUM WHITE CHOC เพราะก่อนวิ่งงานบางแสน42 เคี้ยว Magnum แล้วกัดโดนลิ้น เลือดไหลไม่หยุด ( งานบางแสน42 กัดลิ้นก่อนวิ่งซะงั๊น )
ระหว่างทางวิวสวยมาก จุดที่พักเยอะเลย นักท่องเที่ยวก็แยะ
ถึงแว้วววววว แค่ Logo งานก็ทำเอาเสียว + สยอง
บรรยากาศภายในจุดรับ bib
ฝนตกโปรยๆ เบาๆ
เจอหมอพลอยและภูมิ idol ด้าน trail ด้วย และอีกหลายๆท่าน เช่น รัชชี่ , พี่หนุ่ม runny journer , แอดก้อย 2 คน 4 ขา , ฯลฯ
ช่วงนี้รอเพื่อนที่กำลังเดินทางมารับ bib กว่าจะกลับไปถึงที่พักก็ 17:30 น. แล้วจะต้องเริ่มวิ่งตอน 23:00 น.
อาบน้ำ เตรียมของ กว่าจะหลับก็ 1 ทุ่ม และต้องตื่นตอน 3 ทุ่ม
สรุปได้นอนแค่ 2 ชม. ( อีกแล้ววว งานบางแสนก็ได้นอน 2 ชม. )
TNT60 เป็นการวิ่ง Ultra Trail ครั้งแรก ( งานแรกก็ลองของโหดเลย )
ตื่นมาแล้วก็รีบเตรียมตัว เสียเวลาตรงยัดของใส่เป้น้ำเนี่ยแหล่ะ
ขับรถจากที่พักมาถึงจุด start ระยะทางประมาณ 7 กม. ระหว่างขับมาหมอกลง มองทางไม่เห็น กว่าจะมาถึงก็ 22:45 น. เค้าเตรียมจะวิ่งกันแล้ว
รีบไปฉี่แล้วก็ไปต่อคิวด้านหลังสุดตามเคย ( มาสาย )
ใบหน้านี่ง่วงนอนมาก 2 ชม.ที่ได้นอนก็หลับๆตื่นๆ มันไม่ใช่เวลานอน
ส่วนตอนที่กำลังเริ่มวิ่ง มันคือเวลาที่จะต้องนอน T_T
TNT60 เป็นสนามที่โหดร้ายมากสำหรับมือใหม่ ใจอยากลอง
ใจมันบอกว่า “ต้องทำให้ได้”
ร่างกายมันบอกว่า “พร้อม”
แต่เจอกับความโหดที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน คือ
1. ความชันของเขา ( บ้านเราไม่มีเขาให้ซ้อมชันๆแบบนี้เลย )
2. วิ่งในที่มืด ในป่า ในเขา คนเดียว ( บางจุดข้างๆเป็นเหว เกิดอาการหวิวๆ )
3. ง่วงนอนมาก ( ได้นอนนิดเดียว ทำเอา heart rate พุ่งปรี๊ด 180 bpm ตอนที่กำลังเดินขึ้นเขาชันๆ )
4. หอบมาก ไม่เคยหอบแรงขนาดนี้มาก่อน ( เป็นตอนขึ้นเขาชัน )
ทุกปัจจัย ทำให้ใช้เวลานานเกินกว่าที่วางแผนไว้เยอะเลย
มาถึงจุด W1 ( 10 กม. ) ใช้เวลาไป 2 ชม. ( ทั้งที่วางแผนไว้ 1:30 ชม. )
มาถึงจุด W2 ( 21 กม. ) ใช้เวลาไป 4:30 ชม. ( วางแผนไว้ 3:30 ชม. )
ขึ้นถึงเขากระโจม W3 ( 30 กม. ) ใช้เวลาไป 7 ชม. ( วางแผนไว้ 5:30 ชม. )
เมื่อมาถึงยอดเขากระโจม โคตรหนาววววววว ตัวก็ชุ่มเหงื่ออยู่แล้ว อากาศก็หนาวมาก
กินมาม่าคัฟ กะสปอนเซอร์ แล้วรีบลงไปดีกว่า หนาวมาก
และแล้ว ลางบอกเหตุที่ไม่อยากเจอก็เกิดขึ้นในช่วง Down Hill ลงเขา
1. เจ็บแปร๊บๆ ข้างเขาด้านขวา ( ITB ) แต่ยังแค่เล็กน้อย ยังวิ่งเหยาะๆไปต่อได้
2. เหงื่อที่ชุ่มไปทั้งตัว ทำเอากกน. เสียดสี ( อันนี้สาหัสยิ่งกว่า ITB ) คือ เจ็บอะไรก็ทนได้ แต่แสบแบบนี้ไปต่อไม่ไหว ทรม๊าน ทรมาน
สรุป ยอมแพ้งานนี้เพราะ กกน. 555
ทำได้แค่เดินช้าๆ ทนกับความแสบร่องขา จนมาถึง W4 ( 40 กม. ) จนสุดแสนจะบรรยาย
มาถึงก็ปาไป 8 โมงเช้า ไม่ทัน cut-off ต้องนั่งยานแม่กลับฐานทัพ
ณ จุดนี้มีเพื่อนร่วมชะตากรรม นั่งยานแม่ด้วยกันหลายคันเลย เต็มออก เต็มออก ^^
เป็น DNF ครั้งแรกของชีวิต อิอิ
ขากลับ แวะเข้าตัวเมืองราชบุรี
มีตลาดสด กับตลาดเก่า
ที่ตลาดสดของอร่อยเยอะแยะเลย ถ้าได้ไปอีกจะต้องแวะ
ระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน ในหัวคิดมากมายเต็มไปหมดกับผลของ DNF เช่น
- “ทำไมเราทำไม่ได้” “ทำไมเราไม่ finish มัน”
- ตอน Down Hill จะป้องกันปัญหา ITB ยังไงดี แค่ครึ่งทางก็เริ่มมีอาการมาแล้ว นี่ยังไม่ถึงเขาแหลมเลย
- ถ้าใส่กางเกงรัดกล้ามเนื้อแล้ว ตรูไม่ใส่ กกน. ได้ไหววะ ปัญหานี้คือ finisher killer เลย ไม่เคยคิดว่าจะเจอปัญหานี้ และต้องยอมแพ้เพราะเรื่องนี้ ( ตายน้ำตื้น )
- จะบริหารการนอนยังไงดี ได้นอน 2 ชม. รู้เลยว่าร่างกายไม่เหมือนตอนซ้อม
- ขึ้นเขาแล้วหอบมาก จะซ้อมยังไงดี
กลับถึงบ้าน อารมณ์ค้าง เลยไปวิ่ง(ทางราบ)ทำ new 10 km pb ที่ 55 นาที 40 วิ ^^
รอดูรูป ปรากฏว่ารูปมีนิดนึง เพราะช่างภาพส่วนใหญ่ อยู่แถวเขาแหลม T_T
งานนี้ ตอน Down Hill เล็บเกือบม่วง ต้องหยุดแล้วรัดเชือกรองเท้าให้แน่นขึ้นอีก 2-3 เท่า