RUN EXP : TNT60 (2018)

เดินทางจากบ้านด้วยความฮึกเหิม  ไปราชบุรี  ตะนาวศรี

ผ่านกรุงเทพ  แวะดู Stadium One ซักหน่อย  ( บ้านนอกเข้ากรุง )

แถวๆ Stadium One จะมีร้านเต้าฮวย-เฉาก๊วย-นมสด-แปะก๊วย   อาร๊อยยยยยยยยยยยยยยยยยย อาหร่อย ( เสียงพี่หนำ อิอิ )

ออกจากตัวเมืองราชบุรี   ไปยังเทือกเขาตะนาวศรีทางตะวันตก  วิวสวยงาม  เป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

แวะ LOAD ที่ 7-11

แก้แค้น MAGNUM WHITE CHOC เพราะก่อนวิ่งงานบางแสน42 เคี้ยว Magnum แล้วกัดโดนลิ้น  เลือดไหลไม่หยุด ( งานบางแสน42 กัดลิ้นก่อนวิ่งซะงั๊น )

ระหว่างทางวิวสวยมาก  จุดที่พักเยอะเลย  นักท่องเที่ยวก็แยะ

ถึงแว้วววววว  แค่ Logo งานก็ทำเอาเสียว + สยอง

บรรยากาศภายในจุดรับ bib

ฝนตกโปรยๆ  เบาๆ

เจอหมอพลอยและภูมิ idol ด้าน trail ด้วย   และอีกหลายๆท่าน  เช่น รัชชี่ , พี่หนุ่ม runny journer , แอดก้อย 2 คน 4 ขา , ฯลฯ

ช่วงนี้รอเพื่อนที่กำลังเดินทางมารับ bib  กว่าจะกลับไปถึงที่พักก็ 17:30 น.  แล้วจะต้องเริ่มวิ่งตอน 23:00 น.

อาบน้ำ  เตรียมของ  กว่าจะหลับก็ 1 ทุ่ม   และต้องตื่นตอน 3 ทุ่ม

สรุปได้นอนแค่ 2 ชม. ( อีกแล้ววว  งานบางแสนก็ได้นอน 2 ชม. )

TNT60 เป็นการวิ่ง Ultra Trail ครั้งแรก ( งานแรกก็ลองของโหดเลย )

ตื่นมาแล้วก็รีบเตรียมตัว   เสียเวลาตรงยัดของใส่เป้น้ำเนี่ยแหล่ะ

ขับรถจากที่พักมาถึงจุด start ระยะทางประมาณ 7 กม.  ระหว่างขับมาหมอกลง  มองทางไม่เห็น   กว่าจะมาถึงก็ 22:45 น.   เค้าเตรียมจะวิ่งกันแล้ว

รีบไปฉี่แล้วก็ไปต่อคิวด้านหลังสุดตามเคย ( มาสาย )

ใบหน้านี่ง่วงนอนมาก  2 ชม.ที่ได้นอนก็หลับๆตื่นๆ   มันไม่ใช่เวลานอน

ส่วนตอนที่กำลังเริ่มวิ่ง  มันคือเวลาที่จะต้องนอน  T_T

TNT60  เป็นสนามที่โหดร้ายมากสำหรับมือใหม่  ใจอยากลอง

ใจมันบอกว่า “ต้องทำให้ได้”

ร่างกายมันบอกว่า “พร้อม”

แต่เจอกับความโหดที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน คือ

1. ความชันของเขา  ( บ้านเราไม่มีเขาให้ซ้อมชันๆแบบนี้เลย )
2. วิ่งในที่มืด  ในป่า  ในเขา  คนเดียว  ( บางจุดข้างๆเป็นเหว  เกิดอาการหวิวๆ )
3. ง่วงนอนมาก ( ได้นอนนิดเดียว  ทำเอา heart rate พุ่งปรี๊ด 180 bpm ตอนที่กำลังเดินขึ้นเขาชันๆ )
4. หอบมาก  ไม่เคยหอบแรงขนาดนี้มาก่อน  ( เป็นตอนขึ้นเขาชัน )

ทุกปัจจัย   ทำให้ใช้เวลานานเกินกว่าที่วางแผนไว้เยอะเลย

มาถึงจุด W1 ( 10 กม. ) ใช้เวลาไป 2 ชม.  ( ทั้งที่วางแผนไว้ 1:30 ชม. )

มาถึงจุด W2 ( 21 กม. ) ใช้เวลาไป 4:30 ชม.  ( วางแผนไว้ 3:30 ชม. )

ขึ้นถึงเขากระโจม W3 ( 30 กม. ) ใช้เวลาไป 7 ชม. ( วางแผนไว้ 5:30 ชม. )

เมื่อมาถึงยอดเขากระโจม  โคตรหนาววววววว   ตัวก็ชุ่มเหงื่ออยู่แล้ว  อากาศก็หนาวมาก

กินมาม่าคัฟ  กะสปอนเซอร์  แล้วรีบลงไปดีกว่า  หนาวมาก

และแล้ว   ลางบอกเหตุที่ไม่อยากเจอก็เกิดขึ้นในช่วง Down Hill ลงเขา

1. เจ็บแปร๊บๆ  ข้างเขาด้านขวา  ( ITB )   แต่ยังแค่เล็กน้อย  ยังวิ่งเหยาะๆไปต่อได้
2. เหงื่อที่ชุ่มไปทั้งตัว  ทำเอากกน. เสียดสี  ( อันนี้สาหัสยิ่งกว่า ITB )  คือ  เจ็บอะไรก็ทนได้   แต่แสบแบบนี้ไปต่อไม่ไหว   ทรม๊าน  ทรมาน

สรุป  ยอมแพ้งานนี้เพราะ กกน. 555

ทำได้แค่เดินช้าๆ  ทนกับความแสบร่องขา  จนมาถึง W4 ( 40 กม. ) จนสุดแสนจะบรรยาย

มาถึงก็ปาไป 8 โมงเช้า   ไม่ทัน cut-off   ต้องนั่งยานแม่กลับฐานทัพ

ณ จุดนี้มีเพื่อนร่วมชะตากรรม  นั่งยานแม่ด้วยกันหลายคันเลย  เต็มออก  เต็มออก ^^

เป็น DNF ครั้งแรกของชีวิต  อิอิ

ขากลับ  แวะเข้าตัวเมืองราชบุรี

มีตลาดสด  กับตลาดเก่า

ที่ตลาดสดของอร่อยเยอะแยะเลย   ถ้าได้ไปอีกจะต้องแวะ

ระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน  ในหัวคิดมากมายเต็มไปหมดกับผลของ DNF เช่น

  • “ทำไมเราทำไม่ได้”   “ทำไมเราไม่ finish มัน”
  • ตอน Down Hill จะป้องกันปัญหา ITB ยังไงดี  แค่ครึ่งทางก็เริ่มมีอาการมาแล้ว  นี่ยังไม่ถึงเขาแหลมเลย
  • ถ้าใส่กางเกงรัดกล้ามเนื้อแล้ว   ตรูไม่ใส่ กกน. ได้ไหววะ   ปัญหานี้คือ finisher killer เลย   ไม่เคยคิดว่าจะเจอปัญหานี้   และต้องยอมแพ้เพราะเรื่องนี้  ( ตายน้ำตื้น )
  • จะบริหารการนอนยังไงดี   ได้นอน 2 ชม.  รู้เลยว่าร่างกายไม่เหมือนตอนซ้อม
  • ขึ้นเขาแล้วหอบมาก   จะซ้อมยังไงดี

กลับถึงบ้าน   อารมณ์ค้าง   เลยไปวิ่ง(ทางราบ)ทำ new 10 km pb ที่ 55 นาที 40 วิ  ^^

รอดูรูป   ปรากฏว่ารูปมีนิดนึง   เพราะช่างภาพส่วนใหญ่  อยู่แถวเขาแหลม  T_T

งานนี้  ตอน Down Hill เล็บเกือบม่วง   ต้องหยุดแล้วรัดเชือกรองเท้าให้แน่นขึ้นอีก 2-3 เท่า