RUN EXP : North Face 100 ( 2018 ) ระยะ 50 กม.

เป็นอีกงานที่ได้ bib มาแล้วไม่ได้ตั้งใจ

ก่อนเริ่มงานประมาณ 10 วัน  เพื่อนส่งข้อความมาบอกว่า  NFT100 เปิดรับสมัครเพิ่มจำนวนจำกัดอีก 20 slot มั๊ง  ถ้าจำไม่ผิด

08:00 น. รีบกดรีบพิมพ์  ใช้เวลาไป 1 นาทีกว่าๆ    ปรากฏว่าสมัครทันแฮะ

รู้ว่าได้ bib ก่อนแข่ง 10 วัน  ก็เลยไม่ได้ซ้อมสำหรับงานนี้

และเมื่อดูจากระยะ gain ประมาณ 1,200 เมตร  ก็ไม่กังวล  ( เพราะสัมผัสกับ TNT60 มาแล้วอันนี้ไม่น่าจะยาก )

ทำให้ยิ่งชล่าใจ

เดินทางอีกแว้ววววว   ใช้รถยนต์คุ้มก็ตอนลงงานวิ่งเนี่ยแหล่ะ

ออกจากจุด Safe Zone ( บ้าน ) มาพบเจออะไรใหม่ๆบ้างก็ดีนะ

การลงงานวิ่ง = ก็เหมือนกับการได้ไปเที่ยว + ได้สัมผัสบรรยากาศงาน + ได้วิ่ง + ได้แข่งกับตัวเอง + ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ

มาถึงจุดรับ bib  ค่า PM10 พุ่งเลย  ฝุ่นเยอะม๊วกค๊าบบบ   เยอะตั้งแต่จุดรับ bib   ไอแค๊กๆกัน

รับ bib เสร็จแล้วก็เก็บภาพบรรยากาศงาน  ( จุดที่ฝุ่นเยอะมีแค่ตรงจุดรับ bib แต่พื้นที่อื่นๆอากาศดี )

 

งานนี้  คนที่วิ่ง 50 กม.ขึ้นไป  ต้องฟังการ brief เส้นทางด้วย

ใครไม่มาฟัง  จะถูกปรับเวลาเพิ่มขึ้น 30 นาที

หลังจากลองฟังแล้ว  ก็ได้ประโยชน์ดีนะ   มีข้อมูลหลายอย่างสำหรับมือใหม่อย่างเราที่ควรรู้

ยังคิดอยู่เลยว่า   ทุกงานควรบังคับการฟัง brief เส้นทาง   เพื่อความปลอดภัยนักวิ่ง  เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรข้างหน้า

โดยเฉพาะงานที่ต้องวิ่งกลางคืน  ควรบังคับการ brief ที่สุด

ขับไปที่พักประมาณ 6 กม.

เตรียมของ  อาบน้ำ  นอนเล่น ipad  กว่าจะหลับก็ตี 1 ( นอนไม่หลับ )

ตื่นประมาณตี 3  เริ่มวิ่งตี 5 มั๊ง

ได้นอนแค่ 2 ชม.อีกแล้ว  T_T  ( 2 ชม.เท่ากัน  ทั้งบางแสน , TNT60 และ NFT100   ไม่มีใครได้เปรียบ )

สูตรเดิม  ตื่นมาแล้วต้องรีบเก็บภาพ   เพราะช่วงนั้นหน้าจะเด็กที่สุด  55555

สูตรเดิม  ก่อนจะเริ่มวิ่ง  ต้องเก็บบรรยากาศงานพร้อมหน้าตัวเอง   แล้วโพสลงเฟสด้วยคำว่า “FINISH IT”

เริ่มออกตัว  ฝุ่นกระจุยกระจาย  ตลอด 2 กม.แรก

โชคดีที่ใส่ผ้าบัฟมาด้วย  ได้ปิดจมูก   คือฝุ่นเยอะแบบคาดไม่ถึง   ฝุ่นเยอะยังกะเมือง Tatooine ใน Starwars เลย

ผ้าบัฟปิดจมูกวิ่ง   ก็หอบอีก  หายใจไม่ออก

ปลดผ้าบัฟออก  ฝุ่นก็เข้าอีก   โอยยยยย  ยากลำบากมากช่วง 4 กม.แรก

ผ่านมาถึงประมาณ 8 กม. ก็จะถึงทางขึ้นเขา   ก็ค่อยสบายจมูกหน่อย

ทางขึ้นเขาค่อยข้างชัน  ปรากฏว่ารถติด  เส้นทาง single track ทำให้คนรอคิวกระดึ๊บๆขึ้นทางชัน

เมื่อคนค่อยๆกระดึ๊บ   เราก็เก็บภาพละกัน

มาถึงยอดเขาแล้วก็เก็บภาพหน่อย   บนเขาของสนามนี้วิวสวยนะ   สวยแบบว้าววว  ไม่นึกว่าจะขนาดนี้

ความสวยไม่แพ้ภูกระดึงหรือสนามๆสวยๆอื่นๆเลย

น่าจะเป็นเพราะใบหญ้าแห้งที่สูง   ปลิวไปกับลม   ตอนที่แดดกำลังขึ้นด้วย  ลมกำลังเย็นสบายๆ

Feel ข้างบนนี้ดีสุดๆ   บรรยากาศทำให้อยากอยู่ข้างบนนี้ต่ออีกนานๆ

วิ่งลงเขา  แล้วก็ไปเรื่อยๆ

เริ่มเข้าสู่โหมด ปิ้ง-ย่าง

แดดร้อนนนนนนน  อากาศแห้ง

น้ำมีเท่าไร  กินได้หมด

ยิ่งกินเหงื่อก็ยิ่งออก   เปียกโชกทั้งตัว

โดยรวมสนามนี้มีเส้นทางไม่ยาก  ส่วนใหญ่วิ่งในป่าในเขาเตี้ยๆ   ไม่ชัน  เป็นสนามที่วิ่งได้สนุกๆ   สำหรับหน้าใหม่อย่างเรา

วิ่งมาจน กม.ที่ 36 ถึงจุดเตนท์ให้น้ำ   มีเก้าอี้ให้นั่ง   เราก็นั่งรอเพื่อนเข้าห้องน้ำ

จำได้ว่าตอนนั้น   นั่งแล้วรู้สึกสบ๊ายสบาย   การนั่งทำไมมันสบายแบบนี้

นั่งรอ 15 นาที   เพื่อนก็มา   เราก็ลุกขึ้นยืนทันที   เท่านั้นแหล่ะ   อาการแปร๊บๆข้างเข่าขวา จุดเดียวกับ TNT60 ก็เจ๊บขึ้นมา

คราวนี้เจ็บแรงกว่าตอน TNT60 มาก  ( เดาว่าไม่ได้ซ้อม   ไม่ได้เวทมาสำหรับงานนี้เลย  แบบว่าชล่าใจมาก )

เจ็บจนวิ่งเหยาะๆยังทำไม่ได้   ต้องเดินแบบทุลักทุเล

เหลือเวลาอีก 3 ชม.  กับระยะทาง 14 กม.  ซึ่งตอนแรกคิดว่าชิวๆ   มาถึงตอนนี้ไม่ชิวแล้ว   เดินกระเผลกแบบนี้  ยังไงก็ไปไม่ทัน

ดูนาฬิกาว่าเดินได้ pace เท่าไร   ประมาณ pace 15   เอ้าซวยแล้ว   ยังไงก็ไม่ไปไม่ทันแน่ๆ

ก็เลยบอกให้เพื่อนไปก่อนเลย   ไม่ต้องรอ   เดี๋ยวจะ DNF กันทั้งหมด

เดินแบบเจ็บๆจนมาถึง กม.ที่ 40  เห็นเพื่อนอยู่ข้างหน้า  ปรากฏว่าเจ็บเหมือนกัน

ดูเวลาชักกลัวๆว่าจะไม่ทัน cut-off   ให้กำลังใจกันเดินๆวิ่งๆ

ระยะ 40-44 กม.  เป็นเส้นทางราบ  ยางมะตอย  ซึ่งเป็นทาง road ที่เราถนัด

ทางแบบนี้ไม่ค่อยส่งผลกับ ITB เหมือนกับทางขึ้น-ลงเขา   ก็เลยได้วิ่งเหยาะมาจนถึงกม.ที่ 44

ปรากฏว่าต้องขึ้นเนินเขาอีกแล้ว   เลยให้เพื่อนไปก่อน

ตอนนั้นมีแค่ใจอย่างเดียว   ลากขาที่เจ็บไปถึง กม.ที่ 45 ก็เจอทางราบอีก

เราคำนวนว่าอีก 5 กม. เหลือเวลา 1 ชม.  เดินกระเผลกๆไปเร็วหน่อยก็น่าจะทัน

ซึ่งนักวิ่งแถวๆนั้นก็คงคิดเหมือนกัน  ทุกคนแถวนั้นจึงเดิน   ย้ำว่าทุกคนเดิน   ไม่มีใครวิ่งเลย

เดินไปเรื่อยๆจนถึง กม.ที่ 47  พระเจ้า  ต้องข้ามเขาอีกลูก   แม้จะไม่ใช่ลูกใหญ่   แต่ก็ชันได้ที่  เป็นเขาหิน  ที่ค่อนข้างคม  ต้องระวัง

ซวยแล้ว  เหลือเวลา 40 นาที  กับอีก 3 กม.  จะต้องขึ้นและลงเขาลูกนี้

ตอนนั้นคิดว่า   มาถึงนี้แล้ว  จะ DNF ได้ไง  เจ็บช่างมัน   ต้องไปให้ทัน

วิ่งขึ้นเขา  และลงเขา  ผ่านนักวิ่งที่ต่างพากันเดิน   ทุกคนเดินจริงๆ   คือถ้าเดินนี่ไปไม่ทันแน่ๆ

วิ่งลงเขาก็เจอทางราบ  อีก 2 กม.ถึงเส้นชัย  เหลือเวลาอีก 30 นาที

ปกติ 2 กม.เนี่ย 10-15 นาทีก็เกินพอ   แต่สภาพตอนนั้นคือ ค่อนข้างยาก

แล้วที่น่ากังวลอีกอย่างคือ  ระยะมัน 50 กม.จริงหรือไม่   หรือมีแถมอีกหน่อย  ถ้ามีแถม 30 นาทีจะทันไหม

วิ่งลูกเดียว  จนลืมความเจ็บ   วิ่งไปจนเจอเพื่อนที่นำหน้ามาก่อน   ซึ่งตอนนั้นเพื่อนก็เดิน

เราก็บอกว่าถ้าเดินจะไปไม่ทันแน่นอน   ก็รบเร้าให้วิ่งเหยาะๆก็ได้   ถ้าวิ่งเหยาะๆจะยังทัน

เพื่อนก็ไม่ไหว   เพื่อนคนนึงทั้งเจ็บ   เพื่อนคนนึงล้า  เราก็ได้แต่กระตุ้นเพื่อนให้วิ่งๆๆ

ซึ่งไอ้ 2 กม.สุดท้ายเนี่ย   มันไกล๊ไกล  มันไม่ถึงซักที   ไม่มีวี่แววว่าจะใช่เส้นทางที่เป็นจุดปล่อยตัวเลยซักนิด

เพื่อนคนนึงก็ท้อ  จะยอม DNF  เรากับเพื่อนอีกคนก็กระตุ้น    เวลาก็เหลือน้อยเต็มที

พอมาถึงระยะ กม.ที่ 50 ก็ยังไมเห็นเส้นชัย  อ้าวซวยแล้ว  มีระยะแถมแน่เลย  เหลือเวลาอีก 12 นาที

เพื่อนบอกว่าไหนเส้นชัย  นี่มัน 50 กม.แล้ว   เราก็ได้แต่บอกว่าข้างหน้านั่นไง   ใกล้แล้วๆ ( ทั้งที่จริงก็มองไม่เห็นเส้นชัยเหมือนกัน )

กระตุ้นให้วิ่งมาเรื่อยๆ  จนมาถึงที่จอดรถ  ซึ่งห่างจากเส้นชัยประมาณ 500 เมตร  เหลือเวลาอีก 8 นาที

คิดในใจว่า  ระยะ 5 กม.สุดท้าย  ที่เรารวมทั้งนักวิ่งคนอื่นๆต่างพากันเดิน   คิดว่าเดินยังไงก็ทัน   สุดท้ายถ้าใครเดินจะไม่ทันแน่ๆ

ทุกคนที่เราวิ่งผ่านมาตลอด 5 กม.สุดท้าย  ซึ่งคุ้นๆหน้าทั้งนั้น  เพราะจะวิ่งสลับนำสลับตามกันมาตลอดทางหลายๆคน   น่าเสียดายว่าจะ DNF

สุดท้าย  เข้าเส้นพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน  ก่อน cut-off 3 นาที

เป็น 2 กม.สุดท้ายที่ลุ้นระทึกที่สุดที่เคยวิ่งมา

สำเร็จแล้ว Ultra Trail แรกในชีวิต  พร้อมๆกับเพื่อนอีก 2 คน   เย้ๆๆ

หลังวิ่งจบ   ก็คุยกับกันว่า   เฮ้ยสนามไม่ยาก   วิ่งก็สนุก   แต่ทำไมพวกเราเกือบไม่รอด

ก็สรุปได้ว่า  เราประมาท 5 กม.สุดท้าย   แล้วดันไปเดิน   โดยไม่รู้ว่ายังมีเขาอีกลูก

ผลของอาการเจ็บ ITB ก็จะประมาณนี้

 

กลับถึงบ้าน   ก็รอรูปตามเคย

เจ็บครั้งนี้  ส่งผลต่อเนื่อง

อีก 12 วัน ก็จะถึงงานบุรีรัมย์มาราธอน

อีก 25 วัน ก็จะถึงงาน บางแสน iron man 70.3

จะทำไงกับอาการนี้ ?