จุดเริ่มต้นเรื่อง คือ “เพื่อนชวนไป IM70.3 ปี 2020” แบบทีม ซึ่งในทีมมีกัน 3 คน และทั้ง 3 คนถนัดวิ่ง รองลงมาคือปั่น และไม่ถนัดกันเลยคือว่ายน้ำ เพื่อน 2 คนจองปั่นและวิ่ง ส่วนงานว่ายเลยตกมาที่เรา 555 อืมมมม … เอาก็เอา “มีเป้าหมายแบบนี้ เราจะได้ทลายกำแพงจุดอ่อนเรื่องว่ายน้ำให้ได้” ก็ตกลงสมัคร IM70.3 แบบทีมเรียบร้อย
แล้วไม่กี่วันถัดมา เพื่อนก็บอกว่า “เอ้ย มีงานพัทยาไตร ซ้อมก่อนไป IM70.3 กันไหม” แต่ว่าระยะ Standard หรือ Super Sprint หรือ Sprint 2 รอบของพัทยาไตรเนี่ย ระยะทางมันสั้นเกินไปสำหรับทีม วิ่ง/ปั่นแป๊บเดียวก็จบ ระยะสั้นเกินไปที่จะเสียเวลาเดินทางไป จึงไม่ไปกัน แต่มันก็กลายเป็นจุดประกายให้เรา “ไปแบบเดี่ยว” เพื่อฝึกซ้อมว่ายในทะเล ผมจึงสมัครพัทยาไตร
พัทยาไตร ระยะ Standard ในปีนี้จะเปลี่ยนรูปแบบใหม่ จากเดิม ว่าย 1.5 กม. ปั่น 40 กม. วิ่ง 10 กม. เปลี่ยนเป็น ว่าย 750 ม. ปั่น 20 กม. วิ่ง 5 กม. วนแบบนี้ 2 รอบ ( หรือ Sprint 2 รอบนั่นเอง )
เรื่องวิ่งและปั่น ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือการว่าย มีเวลา 1 เดือนกว่าๆในการซ้อมว่าย ก่อนงานพัทยาไตรจะเริ่ม ก็ไปว่ายในสระกกท.
ซ้อมว่ายรอบแรก > ว่ายกบ 50 เมตร เหนื่อยแทบตาย ต้องหยุดพักทุก 50 ม. สรุปวันนั้นว่ายได้รวม 1000 ม.
ก็ซ้อมประมาณสัปดาห์ละครั้งเรื่อยมาจน ว่ายน้ำไกลสุด 3,900 เมตร = 1 ชม. 40 นาที ( กด link )
ทั้งหมดที่ซ้อมคือท่ากบ ขอเอาแค่ผ่าน Cut-off ไม่สนใจความเร็ว ลองว่ายฟรีสไตล์แล้วเหนื่อยมากว่ายได้ไม่เคยเกิน 100 เมตรก็ต้องหยุดพักเหนื่อย ( สงสัยจะว่ายผิดท่า )
กังวลเรื่องเดียวคือ จะว่ายทัน Cut-Off ไหม ซึ่งดูจากกำหนดแล้วน่าจะทัน
ตรวจเช็ครายชื่อ อยู่ลำดับที่ 1539 เลือกอยู่กลุ่ม Wave ที่ 3 คือกลุ่มว่ายช้ากว่า 2.45นาที/100เมตร ซึ่งเป็นกลุ่มหมวกเหลือง
ดูจากรายชื่อผู้สมัคร มีประมาณ 2 พันกว่าคน รวม Standard และ Sprint ( แต่ไง๋ในวันงานเหมือนไม่ถึง2พันก็ไม่รู้ )
พัทยานี้ไม่ต้องกลัวที่พักจะเต็มเลย เยอะสุดๆ นี่จองก่อนไป 1 วัน โดยเลือกที่พักถูกที่สุดที่ใกล้สนามแข่งมากที่สุด เลยได้ที่ “Walking Street Guesthouse” อยู่ใจกลางแหล่งบันเทิง ( ใกล้สนามแข่งเพียง 300 เมตร )
นำจักรยานขึ้นหลังรถเก๋ง ( พับเบาะหลัง ) แล้วเดินทางเช้าวันพฤที่ 7 พ.ย. ออกจากสุรินทร์ 10 โมงเช้า ไปถึงพัทยา 17:30 น. แวะข้างทางบ่อยเลย ( ปวดฉี่ ) T_T
ขับเข้า Walking Street แล้วก็ขึ้นที่พัก เอาของไปเก็บ ลงมาถามหน้า Front เค้าบอกอีก 5 นาทีจะปิดถนนไม่ให้รถเข้าออก ถ้าไม่เอารถออกจะถูก Lock ล้อ น้องหน้า Front แนะนำให้ไปจอดที่วัดเลยรีบขับเอารถออกจาก Walking Street ไปหาที่จอด ได้ที่จอดในรร.เทศบาล8 ค่าจอด 20 บ. จอดกี่วันก็ได้ ( ดีจังแฮะ ) ซึ่งยังเก็บรถจักรยานไว้เบาะหลังรถ
ok สบายใจได้ที่จอดรถแล้ว ก็เดินเล่นรอบหาดพัทยาซักหน่อย แล้วก็แวะไปดูจุดที่จะแข่ง ปรากฏว่าเค้าเตรียมงานล่วงหน้ามานานแล้ว
ดูเสร็จก็แวะหาไรกิน แล้วรีบกลับไปนอน ต้องซ้อมนอนและตื่นให้ใกล้เคียงเวลาแข่งจริง จะได้ไม่เดือดร้อนการตื่นนอน ^^
เช้าวันศุกร์ที่ 8 พ.ย. กดปลุกตี 5 ( ซ้อมใกล้เคียงวันแข่ง ) ง่วงจิ๊บอ๋าย นอนไม่อิ่มที่ไหน เดินลงมาด้านล่าง นักเที่ยวราตรียังคงคึกคักกันอยู่เลย
เดินหาของกินไปได้ Foodland (ถูกและดี) อืม หย่อย
กินแล้วก็เดินมาดูชายหาดว่าคลื่นแรงไหม กะว่าจะซ้อมว่ายช่วงเช้าดูซักหน่อย แต่ไม่มีคนว่ายน้ำเลย ก็เลยไม่ว่ายละกัน รอไปซ้อมว่ายตอนเย็นละกัน ก็เดินเล่นดูนักท่องเที่ยวไปเรื่อยๆจนถึงช่วงสายๆ
แดดเริ่มร้อน ไม่รู้ทำไรดี เลยเข้า Central หาข้าวกิน ได้ข้าวหมูแดงแบบ basic จานละร้อย งือๆ อยู่ที่นี่นานๆไม่ได้แล้วซี ค่าครองชีพแปงมาก แล้วก็เดินใน Central ฆ่าเวลารอลงน้ำช่วงเย็น เดินเข้าบูทอุปกรณ์ว่ายน้ำแล้วเอะใจว่า ว่ายตาเราจะใช้ในทะเลได้ไหมหว่า ลืมนึกเรื่องนี้เลย ก็เลยไปเล็งๆแว่นตาสำหรับว่ายในทะเลไว้ก่อน ถ้าเย็นนี้แว่นที่มีลองแล้วไม่ work ค่อยว่ากัน แล้วก็ไปดู Dr.Sleep สนุกดี ให้ 8 เต็ม 10 เลย
ดูหนังจบก็เย็น อากาศกำลังดี แดดร่ม ลงทะเล ลองว่าย Open Water ครั้งแรก ทดสอบแว่นตาแล้วใช้ในทะเลได้ดี ไม่มีปัญหา
พอซ้อมว่ายน้ำเสร็จแล้ว ก็หาไรกิน รีบนอนให้ตรงตามเวลาแข่ง ( ซ้อมนอน ซ้อมตื่น )
เช้าวันเสาร์ที่ 9 พ.ย. ตื่นตี 5 ลงมาด้านล่างก็คึกคักเหมือนเดิม นักท่องเที่ยวราตรียังควงกันไปมาใน Walking Street แต่ปากทางมีเจ้าหน้าที่ปิดถนน อ้อ เช้าวันนี้มีงานแข่ง Breakfast Run ระยะ 5 กม.และ 10 กม. ซึ่งเป็นผู้จัดเดียวกันและสถานที่เดียวกันกับงานพัทยาไตร
ดูตามชายหาดดูคลื่น วันนี้คลื่นแรงแฮะ แล้วก็เห็นนักกีฬาวิ่งผ่าน เสร็จแล้วก็ไม่รู้ทำไรดี เข้าไป Foodland หาไรกิน เดินเล่นฆ่าเวลา รอตอนบ่ายเข้า Check in จักรยานในงาน
ก่อนจะไปเอาจักรยานเพื่อเข้า Check In ใน Transition ก็วางแผนหาที่จอดรถใหม่ โดยติดกันกับงานแข่งจะมีที่จอดรถขนาดใหญ่ จุรถได้ 400 คัน ( มีลิฟท์ยกรถเข้าจอดอัตโนมัติ ) เอ้อดีแฮะ ใกล้กับที่แข่งเลย เข้าจักรยานเข้า-ออกได้สบาย แต่พอไปถามค่าจอดแปงมาก ซึ่งจะต้องจอดอีกหลายวัน เลยเปลี่ยนใจจอดที่เดิมคือ รร.เทศบาล8
เดินไปรร.เทศบาล 8 ขับรถจักรยานมางาน แล้วมาถึงช่วงบ่าย2 ซึ่งยังมีคนมาน้อยมาก มาถึงแล้วก็งง คือรั้วกั้นเยอะแยะไปหมด ไม่รู้ว่าจะต้องขับจักรยานเข้าช่องไหนเพื่อเข้าไปถึงจุดลงทะเบียน ไม่มีใครบอก ไม่มีเจ้าหน้าที่คุม ไม่มีป้ายบอก เสียงลำโพงในงานก็ไม่มีประกาศบอก เจ้าหน้าที่แต่ละคนวุ่นกับงานที่กำลังเตรียมในเรื่องของตัวเอง ต้องจอดจักรยานเดินไปถามเรื่อยๆหลายเส้นทางกว่าจะเลาะเข้าไปถึงจุดลงทะเบียน คืองานใหญ่มาก แล้วไม่มีบอกว่าลงทะเบียนจุดไหน พอลงทะเบียนเสร็จก็ไม่บอกว่าต้องทำไงต่อ เอารถจักรยานเข้า Transition ช่องไหน ไปรับ Chip ตรงไหน ก็ไม่มีป้ายบอก ไม่มีเจ้าหน้าที่บอกหง่ะ
16:00 เริ่ม Brief รายละเอียดการแข่ง ทำได้ดีมาก อลังการ เตรียมพร้อมดีเยี่ยม มีภาพจากโดรนบอกเส้นทางการแข่งบนหน้าจอ LED ขนาดใหญ่บนเวที งานดูอลังการใช้จ่ายเยอะ ลงทุนเยอะมาก
17:00 เริ่มถ่ายทอดสดออกช่อง Mono 29 เชิญ Pro ทางด้านไตรมา Race Test
18:30 จุดพลุ รับประทานอาหาร ( ในบูทอาหารมีนักกีฬา 4-5 คน ถามร้านค้าว่ารับคูปองตรงไหน เค้าไม่ได้รับคูปองอาหาร -_-” ) พอบอกว่ารับคูปองตรงที่รับ chip ก็มีคนนึงบอกว่าเค้าจอดจักรยานใน Transition แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ chip เลย ( เราก็นึกว่าเรางงอยู่คนเดียว )
เปิดดูในถุง มี Bib แต่ไม่มีสายรัดเอวติด Bib มาให้ และไม่มีเข็มกลัดติด Bib มาให้ด้วย ไอ้เราก็ลืมเอาสายรัดเอวติด Bib มาจากบ้าน เดินหาสายรัดเอวราคาประหยัดไม่มีเลย งานนี้มีขายแต่ของ Brandname และมี 2 เจ้าที่ขาย เจ้าแรกราคา 1400 บ. อีกเจ้าเป็นของ compressport ราคา 600 บ. งือๆ ที่บ้านมีแล้ว 3 เส้น จะต้องซื้ออีกเส้นราคานี้เลยหรือเนี่ย
เลยหาเข็มกลัดดีกว่า ได้ที่ Family Mart ช่วยชีวิตไว้ในราคา 15 บ. ประหยัดกว่าเยอะ งานนี้สอนให้รู้ว่า “ทุกสิ่งเล็กๆน้อยๆก็มีความหมายต่อการแข่ง ห้ามลืมเด็ดขาด ไม่งั๊นจะเสียเวลา/เสียเงิน”
ก่อนนอน เตรียม Pack ของไว้ 2 กระเป๋า ( ไม่มีกระเป๋าใหญ่ IM แบบเค้า ) เลยวางแผนแบ่งแยกอุปกรณ์เป็น 2 ถุง “ดำคืออุปกรณ์ว่าย” ส่วนถุง “เหลืองคืออุปกรณ์วิ่ง” เพื่อตอนเข้า Transition จะได้ไม่ต้องค้นให้เสียเวลา
ตื่นมาตี 4 กินเบอร์ดี้ไปกระป๋องนึง ทำธุระส่วนตัว เดินลงมาตอนตี 5 แล้วเข้าเตรียมของใน Transition ( ที่พักห่างจากงานแค่ 300 เมตร ) เห็นคนอื่นเค้าติดเบอร์ที่แขนแล้วเราไม่รู้วิธีทำ ก็ถามคนใกล้ๆ อ้อ วิธีคือดึงพลาสติกออก แล้วแปะที่แขน แล้วเอาน้ำลูบ มันก็จะติด เสร็จแล้วก็รัด chip ข้อเท้า
สนามนี้ต้องเข้า Transition 5 รอบ ซึ่งจะเสียเวลาค่อนข้างนาน การวางแผนที่ดีน่าจะช่วยลดเวลาลงได้ จึงวางแผนไว้ว่า … ทุกครั้งที่เข้า Transition ให้ตัวเองนึกเปลี่ยนอุปกรณ์ “หัว-ตา-พุง-เท้า” คือ
- หัว = หมวก
- ตา = แว่น
- พุง = บิบ/ถุงมือ
- เท้า = ถุงเท้า/รองเท้า
โดยแยกอุปกรณ์ระหว่างถุง 2 สี ถุงดำคือว่าย ถุงเหลืองคือวิ่ง
เตรียมอุปกรณ์ใน Transition เสร็จแล้วก็เดินไปเข้าประจำที่ เจอน้องๆไตรสุรินทร์หลายคน
Start ว่ายน้ำตอน 06:30 น.
ใช้เวลาไปทั้งหมด 3 ชม. 52 นาที นานกว่าที่คิดไปเยอะ ( ตั้งเป้าไว้ไม่เกิน 3 ชม.ครึ่ง ) เหรียญสวยดีครับ ผู้จัดประกาศว่าออกแบบเหรียญเป็นกุญแจเมืองพัทยา
แข่งจบ เข้าไปพักกินอาหาร เจอพี่ด้าทีมไตรสุรินทร์ด้วย พี่ด้าให้ความรู้หลายอย่างเลย ขอบคุณมากๆครับ
ขับจักรยานไปเก็บไว้ในรถ รร.เทศบาล8 เหมือนเดิม แล้วเดินกลับมาอาบน้ำ ลอกเบอร์ที่แขนไม่ออกหว่ะ ออกแต่เบอร์ 1 แต่ 24 ไม่ออก สงสัยงวดนี้จะออก 24 ป๊ะ
ดูในเฟสของงาน เค้าให้ดูผลการแข่งได้โดยยิง QR Code ที่ BIB อืม ก็สะดวกดีนะแบบนี้
นอนพักไป 2 ชม. ตกเย็นว่าจะไปดูหนังเรื่อง Midway แต่รอบฉายดึกไป เลยเปลี่ยนใจไม่ดู เดินเล่นชายหาด แล้วเดินกลับที่พัก นอนยาววว ตั้งแต่ 3 ทุ่ม ถึง 7 โมงเช้า ( 10 ชม.เต็ม ) ตื่นมาตกใจ นอนนานมาก รีบ Checkout เพื่อเดินทางกลับบ้าน
ขับรถ 7 ชม.กลับมาถึงบ้าน เก็บของเข้าที่ให้เรียบร้อย สิ่งสุดท้ายที่หยิบออกมาคือ มาม่า อิอิ งานนี้ Presented by มาม่า ต้องให้เครดิตสปอนเซอร์งานเค้าหน่อย ที่ช่วยทำให้มีงานดีๆเกิดขึ้นมา
One thought on “ทริป Pattaya Triathlon 2019 – งานไตรแรก”
Comments are closed.